ข่าวทั่วไทยทันเหตุการณ์
อ.น้ำโสม จัดกิจกรรม "รวมพลังไทย หยุดยาเสพติด" เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก
วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567เมื่อ เวลา 09.00 น. นางเทียบจุฑา ขาวขำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อุดรธานี เป็นประธานพิธี กิจกรรม "รวมพลังไทย หยุดยาเสพติด" เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก มีนายอัมพร นนทพันธุ์ ส.อบจ อำเภอน้ำโสม, ร้อยตำรวจโทประเจน เปปะตัง นายกเทศมนตรีตำบลนางัว นายจิราศักดิ์ โยธา นายอำเภอน้ำโสม พร้อมทั้ง สมาชิกสภาเทศบาล, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 ตำบล กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนราชการ อสม. พ่อค้า ประชาชนใน อ.น้ำโสม ร่วมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก "รวมพลังไทย หยุดยาเสพติด" ณ โรงเรียนน้ำโสมพิทยาคม ภายในงาน มีกิจกรรมกลุ่มนักเรียน ร่วมการแข่งขัน การประกวด และการแสดงความสามารถ TO BE NUMBER ONE 2024เครดิตข้อมูล และภาพ : วัชระ แสนอภัย เลขานุการสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี อำเภอน้ำโสม เลขานุการผู้แทนเกษตรกรอำเภอน้ำโสม และเลขานุการสภาเกษตรอำเภอน้ำโสมผู้แทนเกษตรกรตำบลศรีสำราญอาสาสมัครสาธารณสุขอำเภอน้ำโสม
ครม.เห็นชอบ โครงการ "ปุ๋ยคนละครึ่ง" ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
มติ ครม.เห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง
วันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 มีมติเห็นชอบโครงการฯ และมอบหมายให้ กษ. โดยกรมการข้าว จัดทำข้อมูลเพื่อนำคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการฯ และงบประมาณต่อไป ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามความต้องการของเกษตรกรแบบมีส่วนร่วม โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ในลักษณะ "ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง" เพื่อพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เข้มแข็งและเกิดความยั่งยืน และลดภาระการเงินการคลังของประเทศ โดยมีรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ ดังนี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตในการลดต้นทุนการผลิตข้าวแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68
2.
เพิ่มผลผลิตข้าวด้วยการใช้ปุ๋ยและสารชีวภัณฑ์ในนาข้าวในสูตรและอัตราที่เหมาะสมตามนิเวศและสภาพพื้นที่
สร้างเสริมการมีส่วนร่วมในการใช้ปัจจัยการผลิตข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ
3. สนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็น 3 เท่า ในระยะเวลา 4 ปี
กลุ่มเป้าหมาย
เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2567/68 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ประมาณ
4.68 ล้านครัวเรือน (เกษตรที่ปลูกข้าวทั่วไปประมาณ 4.48 ล้านครัวเรือน
พื้นที่ 54 ล้านไร่ และเกษตรกรที่ปลูกข้าวอินทรีย์ประมาณ 2 แสนครัวเรือน
พื้นที่ 1.20 ล้านไร่) ทั้งนี้ ลูกค้า ธ.ก.ส.
ที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 - 31 พฤษภาคม 2568
วิธีดำเนินการและเงื่อนไขโครงการฯ
1.
สนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ในราคาครึ่งหนึ่ง
(เกษตรกรชำระเงินค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่ง
และรัฐบาลสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์อีกครึ่งหนึ่ง) ไม่เกินครัวเรือนละ 500
บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง
รวมมูลค่าปุ๋ยไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้
ปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน
หรือหนังสือสำคัญรับแจ้งถูกต้องตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และชีวภัณฑ์ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. เกษตรกร 1 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกหลายพื้นที่ ใช้สิทธิ์รวมได้ไม่เกิน 20 ไร่ และไม่ซ้ำซ้อน ตามที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตร
3. เกษตรกรต้องนำไปใช้จริง ห้ามนำไปจำหน่าย แจกจ่ายให้บุคคลอื่น
4. สหกรณ์การเกษตรต้องส่งมอบปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้เกษตรกรให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยหากเกษตรกรยังไม่ได้รับปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ธ.ก.ส. จะคืนเงินที่เกษตรกรชำระทั้งหมดให้เกษตรกร
ปุ๋ยที่ขึ้นทะเบียนสำหรับนาข้าวภายใต้โครงการฯ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เลือกรับการสนับสนุนปุ๋ยขึ้นทะเบียนสำหรับนาข้าว จำนวน 16 รายการ
กรอบวงเงินงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 29,980.17 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. เงินทุน ธ.ก.ส. สำรองจ่ายการดำเนินงานตามความต้องการโครงการฯ ในส่วนของ 500 บาทต่อไร่ ที่รัฐบาลสมทบ โดยจัดสรรงบประมาณชดเชยด้วยอัตราต้นทุนทางการเงินถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ สิ้นไตรมาสก่อนหน้า บวกค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส (ปัจจุบันอัตราร้อยละ 3.62) และบวกต้นทุนเงินตามระยะเวลา วงเงิน 29,518.02 ล้านบาท
1.1 วงเงินจ่ายสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้เกษตรกร วงเงิน 28,350.00 ล้านบาท
1.2
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ วงเงิน 1,168.02 ล้านบาท 1.2.1
ค่าชดเชยต้นทุนเงิน วงเงิน 1,026.27 ล้านบาท และ 1.2.2 ค่าบริหารโครงการ
ร้อยละ 2 เป็นเวลา 3 เดือน วงเงิน 141.75 ล้านบาท
2. งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2567
เป็นค่าดำเนินการของ กษ.
ในการจัดหาปุ๋ยและชีวภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว และส่งมอบให้เกษตรกร
เช่น ค่าบริหารจัดการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้เกษตรกร
ค่าใช้จ่ายสุ่มตัวอย่างและวิเคราะห์คุณภาพปุ๋ยและชีวภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้
กษ. จะดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อ สงป.
ตามขั้นตอนที่กฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป วงเงิน 462.15 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 29,980.17 ล้านบาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน
สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ร้อยละ 10
ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10
และมีอำนาจในการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเกษตรกรและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2.
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน
สามารถเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว
และยกระดับคุณภาพข้าวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
3.
การใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิต
ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดการหมุนเวียน
และสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(โครงการไร่ละ 1,000 บาท) ได้ถึงปีละ 24,320 ล้านบาท
(เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีละ
54,300-29,980 ล้านบาท)
จุดธูปดับกลิ่นยาบ้าไหม้บ้านวอดทั้งหลัง..
จุดธูปดับกลิ่นยาบ้าไหม้บ้านวอดทั้งหลัง.
วันพุธที่19มิถุนายน2567 สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ ที่บ้านเลขที่ 16 ม.6 บ้านสวนหม่อน ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานีตรวจสอบที่เกิดเหตุพบบ้านเรือนไฟไหม้ และชาวบ้านได้ช่วยกันดับเพลิงไว้ได้ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัยวางเพลิง ซึ่งก็เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว มาที่สภ. กุมภวาปีเจ้าของบ้านให้การว่าตนได้อาศัยอยู่เพียงลำพัง ช่วงกลางดึก ได้เสพยาบ้า แต่กลัวเพื่อนบ้านได้กลิ่นจึงได้จุดธูปจำนวนหลายดอก ภายในบ้าน เพื่อกลบกลิ่นยา จากนั้นก็ออกมาด้านนอก จนลืมดับธูปที่จุดไว้ทำให้ไฟลุกลามและไหม้บ้านหลังดังกล่าว
ไฟไหม้กระบะตู้ทึบ ย่างสดไก่ชนระดับแชมป์ กว่า 20 ตัว
รถกระบะตู้ทึบขนไก่ชนระดับแชมป์ ระหว่างทางไฟฟ้าลัดวงจรไหม้คอมแอร์ คลอกไก่ตายกว่า 20 ตัว ราคาตัวตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท ซ้ำร้ายมีคนฉวยโอกาส อุ้มไก่หนีแทนที่จะช่วย
วันที่
11 มิ.ย. 67 คลิปกล้องวงจรปิดภายในสถานีขนส่งเฉลิมพระเกียรติ ตำบลขามใหญ่
อำเภอเมืองอุบลราชธานี บันทึกภาพนาทีระทึกขณะที่รถกระบะตู้ทึบขนส่ง
มีไฟลุกไหม้ภายในตู้ทึบ จนคนขับต้องเลี้ยวรถเข้า บขส.
จอดเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีเจ้าหน้าที่สถานีขนส่งและวินรถจักรยานยนต์
นำถังดับเพลิงเคมีเข้ามาช่วยระงับเหตุเบื้องต้นได้ก่อนจะลุกลามไปทั้งคัน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา
14.20 น. ร.ต.อ.เกียรติชาติ สาโท รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.อุบลราชธานี
รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 อุบลราชธานี
มีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ภายในสถานีขนส่งเฉลิมพระเกียรติ ตำบลขามใหญ่
อำเภอเมืองอุบลราชธานี จึงได้ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลอุบล
และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าช่วยเหลือดับไฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ไฟจึงสงบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะตู้ทึบ
ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผบ 3290 อุดรธานี มีนายพงศธร อายุ
31 ปี แสดงตัวเป็นคนขับ ตรวจสอบสภาพรถพบถูกไฟไหม้ด้านหลัง
ภายในตู้ทึบเสียหายทั้งหมด บริเวณพื้นพบซากไก่ถูกไฟคลอกตายกว่า 20 ตัว
ชิ้นส่วนคอยล์เย็นถูกไฟไหม้หลุดออกมาจากตัวรถ
สอบถามนายพงศธร
ให้การว่า ตนเองไปรับไก่ชนจากลูกค้าที่อำเภอพิบูลมังสาหาร
อำเภอสว่างวีระวงศ์ และอำเภอวารินชำราบ เพื่อไปส่งลูกค้าตามออเดอร์
เมื่อมาถึงหน้า บขส. พบว่ามีควันไฟพุ่งออกมาจากขอบประตู
จึงได้เลี้ยวเข้ามาจอดรถเพื่อขอความช่วยเหลือ และรีบเอาไก่ออกมาได้บางส่วน
สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรภายในรถ
เพราะภายในตู้ทึบมีการติดตั้งแอร์มินิบัส 1 ตัว
เพิ่งย้ายจากข้างล่างขึ้นไปติดบนหลังคาเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน
และยังมีพัดลมระบายอากาศอีก 2 ตัว คาดว่าน่าจะเกิดจากระบบแอร์
ทำให้เกิดไฟไหม้ สำหรับไก่ที่จะนำไปส่งมีทั้งหมดประมาณ 40 ตัว
ถูกไฟคลอกตายประมาณ 20 กว่าตัว ราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท
ช่วงเกิดเหตุพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ได้ไล่จับไก่ที่ยังไม่ตายไว้ได้บางส่วน
แต่ไก่ชนบางตัวถูกอุ้มหายไป แทนที่จะนำกลับมาคืนเจ้าของ
ล่าสุดหลังมีการตรวจสอบกล้องฯ มีผู้นำไก่มาคืนแล้ว 1 ตัว
วันนี้ออกบ้านแต่เช้าตรู่ ไป อบต.เชียงยืน ไปร่วมปรึกษาหารือเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องชาวอุดรฯแล้วก็เข้าร่วมอบรมปลูกไผ่ ของ อบจ
วันนี้ออกบ้านแต่เช้าตรู่ ไป อบต.เชียงยืน ไปร่วมปรึกษาหารือเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องชาวอุดรฯแล้วก็เข้าร่วมอบรมปลูกไผ่ ของ อบจ.อุดรธานีเสร็จจากเชียงยืนไปที่ อบจ. ต่อ ร่วมต้อนรับคณะ กมธ ท้องถิ่น จากสภาผู้แทนราษฎร ช่วงบ่ายไปงานศพที่บ้านนาล้อมน้อย ต.คำบง กลับถึงบ้านเกือบเย็น พรุ่งนี้เช้าไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงที่ตำบลเชียงเพ็งแล้วช่วงบ่ายไปร่วมงาน Pride Udon ที่ราชภัฎไปจนถึง Central Udon พรุ่งนี้เจอกันที่ไหนทักทายกันได้ครับ
คุณวราภรณ์ เขมะสัจจกุลพร้อมคุณวงเดือนและครอบครัวเขมะสัจจกุลและครอบครัวเครือพิมาย ทำบุญตักบาตร ณ.วัดเวฬุวันบ้านตะไก้(บ้านนาศรีนวล
คุณวราภรณ์ เขมะสัจจกุลพร้อมคุณวงเดือนและครอบครัวเขมะสัจจกุลและครอบครัวเครือพิมาย ทำบุญตักบาตร ณ.วัดเวฬุวันบ้านตะไก้(บ้านนาศรีนวล
ปั้มน้ำมัน ปตท สี่แยกตลาดประทาย จังหวัดนครราชสีมา
ปั้มน้ำมัน ปตท สี่แยกตลาดประทาย จังหวัดนครราชสีมา